พลิกฟื้นพื้นดินให้มีกินตลอดกาล

การดิ้นรนทำมาหากินของคนเราก็เพื่อปากท้องเป็นเรื่องแรก ดังคำพูดเชิงจรยุทธ์ว่า ? กองทัพเดินด้วยท้อง ? หมายความว่าจะทำกิจการอะไรต้องคำนึงถึงอาหารการกินก่อนเพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้มีกำลังกาย มีเรี่ยวแรงในการทำกิจการนั้น จะออกเดินทางเข้าป่าล่าสัตว์หรือเดินทางไกลของคนในอดีตต้องเตรียมเสบียงกรัง เช่น ข้าวแห้ง อาหารแห้งอื่น ๆ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ใช้ยุทธศาสตร์เรื่องอาหารเป็นแรงจูงใจแก่ทหารจนสามารถพาทหารบุกฝ่าตียึดเมืองจันทรบุรี ตั้งเป็นฐานที่มั่นจนสะสมกองกำลังกู้กรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่าได้ในอดีต นั่นคือข้อเท็จจริงที่สามารถยืนยันได้ อาหารจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดประการหนึ่งในการดำรงชีวิต เป็นสิ่งจำเป็นสิ่งแรกในจำนวนปัจจัยจำเป็น 4 อย่างของมนุษย์

วิธีการได้อาหารของแต่ละคนในปัจจุบันแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ได้จากการนำเงินไปซื้อมา ดังนั้นเป้าหมายในการดิ้นรนทำมาหากินของคนเราในสถานการณ์ปัจจุบันจึงเป็นเรื่อง การหา ? เงิน ? เป็นหลัก แล้วนำเงินไปเปลี่ยนเป็นอาหาร ซึ่งอาหารของคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป อาหารปรุงเสร็จใส่ถุงพลาสติก ถ้าเป็นอาหารสดประเภทผักไม้ผลก็จะเป็นผักไม้ผลที่ผลิตจากแปลงที่มุ่งผลิตเพื่อขาย ซึ่งมีกระบวนการผลิตที่แตกต่างจากแปลงที่ปลูกไว้กิน มีเรื่องเล่าว่า ชาวสวนที่ปลูกผักขายจะปลูกสองแปลงๆ ที่ปลูกสำหรับเก็บขายจะมีการใช้สารเคมีสูงเพื่อให้ผักสวยเป็นที่ต้องการของตลาด อีกแปลงที่ปลูกไว้สำหรับบริโภคในครอบครัวจะไม่ใช้สารเคมี ซึ่งการผลิตแบบนี้แม้แต่ชาวนาทั่วไปในปัจจุบันก็ทำเช่นกันคือไม่กินข้าวที่ตนเองปลูกเนื่องเพราะใช้สารเคมีมาก เมื่อได้ผลผลิตจะขายข้าวเปลือกทั้งหมดได้เงินจึงนำไปซื้อข้าวจากตลาดมากิน ซึ่งก็ไม่รู้เช่นกันว่าข้าวที่ซื้อกินเป็นข้าวตนเองที่โรงสีซื้อไปแล้วสีมาขายหรือไม่

อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ก็เช่นกัน จะเป็นเนื้อสัตว์ที่ผ่านการเลี้ยงในระบบฟาร์มซึ่งมีรายละเอียดที่ซับซ้อนมากกว่าพืชผัก เช่น มีการให้วัคซีนป้องกันโรคอย่างเข้มข้น การฉีดยารักษาโรคสัตว์ต่าง ๆ อาหารสัตว์บางชนิดได้จากเมล็ดพืชที่เป็นพืชตัดแต่งพันธุกรรม ( GMOs ) ที่นำเข้าจากต่างประเทศ สัตว์เลี้ยงเพื่อขายเนื้อบางชนิด เช่น วัว หรือหมู กินอาหารสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์หรือเครื่องในสัตว์อื่นหรือสัตว์ชนิดเดียวกันที่ตายแล้ว นำมาทำเป็นอาหารเพื่อลดต้นทุนในการเลี้ยง สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตอาหารสำหรับมนุษย์ยุคโลกาภิวัตน์ ผลที่เกิดขึ้นทำให้คนที่ได้บริโภคอาหารเหล่านั้นป่วยมากขึ้น เกิดอาการโรคแทรกซ้อนอื่นมากขึ้น ชีวิตไร้ความปลอดภัยมากขึ้น

ความต้องการสะดวกสบายดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะคนที่อาศัยในเมืองหรือผู้ที่มีเวลารัดตัวเท่านั้น แต่เกษตรกรทั่วไปก็กำลังเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ที่อยู่กับพื้นดิน มีเวลาและทรัพยากรอื่น ๆ เพียงพอแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับการผลิตเพื่อตนเองและครอบครัว แต่มุ่งเน้นผลิตเพื่อขาย เพื่อให้ได้เงินแล้วนำเงินไปซื้ออาหารเช่นที่ได้กล่าวมาแล้ว

การละเลยไม่ให้ความสนใจเรื่องการผลิตเพื่อเป็นอาหารจึงเป็นปฐมเหตุของการไม่สามารถพิสูจน์ความปลอดภัยของอาหาร แต่มุ่งหาเงินเพื่อแลกเปลี่ยนกับอาหารสนองความอยากของตนเอง สิ่งเหล่านี้จึงเป็นสาเหตุผูกพันไปถึงภาวะความเป็นหนี้สินค้างชำระมากขึ้น เงินไม่พอต่อการใช้จ่ายในครอบครัว ครอบครัวขาดแคลนอาหาร เป็นต้น

คำพูดที่ว่า ? อาหารเป็นยา ? จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยากในสังคมปัจจุบัน เพราะอาหารจะมีสรรพคุณดังกล่าวได้อย่างน้อยต้องเป็นอาหารที่มาจากการผลิตแบบธรรมชาติ หรือกระบวนการผลิตที่ไม่ผ่านกรรมวิธีขั้นตอนมากมายนัก เป็นอาหารที่ผ่านการปรุงรสด้วยเครื่องปรุงผสมผสานสารพัดสมุนไพร เช่น เครื่องปรุงต้มยำ เครื่องแกงต่าง ๆ เป็นต้น ที่สำคัญอาหารเหล่านั้นต้องมีความสด และปลอดภัยจากสารเคมีต่าง ๆ

พ่อคำเดื่อง ภาษี ผู้นำเกษตรธรรมชาติ จังหวัดบุรีรัมย์ บอกว่า ? ที่ร้านค้าขายผักผลไม้ต่าง ๆ โฆษณาว่า ผักผลไม้ที่ขาย สดจริง ๆ เราไม่เชื่อเพราะผักหรือผลไม้ที่เราปลูกสดกว่า เราปลิดจากต้น จากกิ่งแล้ว นำมาปรุงหรือกินเลย อย่างนี้สิสดจริง สามารถบอกระยะทางได้อีกว่าจากแปลงผักถึงหม้อปรุงอาหารที่กำลังตั้งไฟเดือดอยู่ใกล้กี่ก้าวเดิน ดังนั้นเมื่อเราจะปลูกผักไม้ผลจึงต้องปลูกให้ใกล้ครัวหรือใกล้ตัวเพื่อจะได้เก็บกินง่ายและสด ?

ตราบใดที่คนเรายังมักง่าย และเอาความสะดวกเข้าว่าในเรื่องการหาอาหารสำหรับครอบครัว ปัญหาต่าง ๆ ที่สะสมมาแต่อดีต เช่น ปัญหาหนี้สิน ปัญหาการขาดแคลนอาหาร ปัญหาสุขภาพหรือแม้แต่ปัญหาเงินไม่พอใช้ ฯลฯ ก็แก้ไขลำบาก ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องขบคิดให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า ปัญหาของครอบครัวหรือตัวเองหลายอย่างหลายเรื่องล้วนเกิดจากการ ? กิน? ทั้งนั้น ที่ต้องดิ้นรนทำมาหาเงินก็เพื่อใช้จ่ายเรื่องการกินเป็นเรื่องแรก ขณะเดียวกันถ้ากินไม่ดี อาหารไม่ถูกหลัก กินของที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายหรือแม้แต่กินโดยไม่เคี้ยวให้ละเอียดก็จะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต โรคเบาหวาน รวมทั้งโรคมะเร็งที่เป็นโรคร้ายในปัจจุบัน

มีคนที่บันทึกค่าใช้จ่ายของครอบครัวและสรุปแต่ละปีออกมา ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่จะนำไปปฏิวัติตนเองและครอบครัวเพื่อชีวิตที่ดีกว่า คือ

คนเราปกติกินข้าว 1,095 มื้อต่อปี ถ้าจับจ่ายค่าอาหารมื้อละ 30 บาท จะต้องใช้เงินถึง 32,850 บาทต่อปีในการซื้ออาหาร

ถ้าท่านซื้อผักต่าง ๆ เช่น พริก กระเพรา โหรพา ข่า ตระไคร้ หรือผักอื่น ๆ รวมกันแล้วอาทิตย์ 70 บาท ( คิดวันละ 10 บาท ) หนึ่งปีท่านจะต้องจ่ายค่าผักปีละ 3,650 บาท

เครื่องปรุงรสต่าง ๆ ในครัว เช่น น้ำปลา ซีอิ้ว น้ำตาล ซอส อื่น ๆ เดือนละประมาณ 150 บาท หนึ่งปี ครอบครัวจะจ่าย 1,800 บาท

เช่นเดียวกันถ้าท่านดื่มเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เช่น กระทิงแดง เอ็ม 100 เอ็ม 150 แรง หรืออะไรอื่น ๆ ทุกวันๆละ 1 ขวด ๆ ละ 10 บาท ท่านก็จะมีรายจ่ายปีละ 3,650 บาท เช่นกัน

และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งถ้าในครอบครัวท่านมีคนดื่มเครื่องดื่มอัลกอฮอล์วันละ 15 บาท หนึ่งปีครอบครัวท่านจะต้องจ่ายเงิน 5,475 บาท

รวมค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ เหล่านี้ในหนึ่งปีครอบครัวจะมีรายจ่ายถึง 47,425 บาท นี้เป็นเพียงรายจ่ายคร่าว ๆ บางรายการอาจจะต่ำกว่าความเป็นจริงและรายจ่ายเหล่านี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายการเจ็บป่วย การเดินทาง หรือค่าน้ำค่าไฟ สิ่งที่ต้องจ่ายประจำอื่น ดังนั้นลองคิดคำนวณดูว่าครอบครัวมีรายจ่ายประมาณนี้ รายได้จากการผลิตต่อปีจะพอใช้จ่ายได้อย่างไร และจะเอาเงินที่ไหนมาชำระคืนหนี้สินของครอบครัว

การแก้ปัญหาทั้งหลายดังกล่าวจึงไม่ใช่การเพิ่มการผลิตหรือดิ้นรนทำงานเพื่อหาเงินมากขึ้นแต่ จะทำอย่างไรครอบครัวถึงจะไม่ต้องจ่ายเงินออกไป การไม่ต้องจ่ายเงินจะทำให้ครอบครัวมีรายได้เพิ่มจากการลดรายจ่าย ยุทธวิธีเพื่อไม่ให้จ่ายเงินจึงเป็นเรื่องการทำทดแทนการซื้อ นั่นคือ ครอบครัวสามารถผลิตอะไรเพื่อแทนการซื้อต้องทำสิ่งนั้น ในระบบเกษตรยั่งยืนมีคำพูดที่เป็นปรัชญาแนวคิดว่า ? ปลูกทุกอย่างที่กิน กินอย่างที่ปลูก ? จากกรณีรายจ่ายที่กล่าวมาแล้วครอบครัวสามารถทำเองได้เกือบทุกอย่าง ขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายแต่เป็นเพียงอุปทานให้เราหลงเชื่อก็ควรพิจารณาลด เลิก หันมาปลูกผักผลไม้ชนิดต่าง ๆ เลี้ยงสัตว์เล็ก ๆ น้อยๆ เพื่อเป็นอาหารของครอบครัว หรือแม้แต่สิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องยาก เช่น เครื่องดื่มอัลกอฮอล์ เครื่องดื่มบำรุงกำลังก็สามารถทำได้

อาหารที่ผลิตโดยตัวเราเอง ทำให้เราสามารถควบคุมคุณภาพได้ อาหารก็จะเป็นยา ที่สำคัญคือ จะต้องไม่ปลูกหรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไปแต่จะต้องปลูกหลายๆอย่าง ๆ ละเล็กละน้อยหรืออาจจะกำหนดว่าปลูกผักทุกชนิดที่ครอบครัวกินชนิดละ 1 ตารางเมตร( ผักพื้นบ้านบางชนิดมีสรรพคุณรักษาป้องกันรักษาโรคได้ด้วยและไม่ต้องปลูกแต่มีขึ้นตามรั้วหรือตามหัวไร่ปลายนามากมาย แต่บางคนบางท่านอาจจะไม่รู้จักก็อาจจะสืบค้นถามจากผู้รู้หรือศึกษาจากหนังสือเรื่องผักพื้นบ้านต่าง ๆ ก็พอหาศึกษาได้ไม่ยากนัก ) ถ้าเป็นไม้ผลก็อาจจะกำหนดปลูกอย่างละ 2 ต้นเพื่อกันอีกต้นตาย การคิดทำจากสิ่งที่ง่าย ๆ อย่างนี้จะทำให้ท่านไม่ต้องดิ้นรนมาทำงานหาเงินมากจนไม่มีเวลาคิดวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาครอบครัวตนเอง หรือเพิ่มผลผลิตจนตนเองต้องเหนื่อยยากลำบากในการดูแล ขณะเดียวกันการเริ่มต้นปลูกกินทำกินไม่ได้หมายความว่าให้เลิกผลิตอย่างที่เคยทำมาในทันทีแต่จะทำอย่างไรที่จะต้องลดทุนในการผลิตให้ได้ ลดปริมาณที่ทำลง เมื่อสิ่งที่ปลูกพอเก็บกินได้ครอบครัวก็จะไม่มีรายจ่าย ทำให้ครอบครัวพอมีรายได้จากการเก็บบางสิ่งบางอย่างขายเป็นเงินที่จะเก็บออมเพื่อใช้คืนหนี้สินหรือเก็บออมไว้เพื่ออย่างอื่น

ประเด็นที่นำเสนอเป็นเพียงแนวทางหนึ่งเพื่อให้ผู้อ่านได้นำไปขบคิด นำไปเปรียบเทียบคิดกับวิถีครอบครัวของตนเองเพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่ทางออกทางเลือกที่จะแก้ปัญหา บางครอบครัวอาจจะมีปัจจัยเงื่อนไขอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องมากก็อย่าเพิ่งท้อถอย ปัญหามีไว้ให้แก้ ขอเพียงท่านมีเวลา มีสมาธิที่จะหยิบยกเรื่องที่เป็นปัญหาของครอบครัวมาขบคิด ศึกษาลักษณะของปัญหาให้ละเอียดทุกแง่มุม ค้นหาสาเหตุ หาทางออกทางแก้ ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ก็จะได้รับการคลี่คลายในที่สุด